การจัดสรรเวลาคืออะไร
การจัดสรรเวลา คือการวางแผนจัดสรรการใช้เวลาในแต่ละนาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน ปี หรือเวลาชั่วชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในการอ่านหนังสือ
ในการอ่านหนังสือ
วิธีการจัดสรรเวลาเป็นอย่างไร
จัดสรรเวลาออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือส่วนที่เป็นกิจวัตรส่วนตัว ส่วนที่เป็นเวลาเรียน และอีกส่วนใช้ในการทำกิจกรรม แต่ละส่วนนั้นจะต้องมีความสำคัญเท่า ๆ กัน ไม่ควรเลือกทำอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไปนะครับ ยกตัวอย่างเช่นบางคนชอบเรียนอย่างเดียวไม่สนใจทำอย่างอื่นเลย หรือเด็กกิจกรรมก็ทำกิจกรรมอย่างเดียวไม่ชอบเรียนหนังสือ หรือบางคนไม่เอาทั้งเรียนทั้งกิจกรรมแต่ทำกิจวัตรส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น เอาแต่นอนและคุยกับเพื่อนเป็นเวลานาน แต่ควรจะทำทั้งสามอย่างพร้อม ๆ กันไป
แบ่งขั้นตอนการจัดสรรเวลาเป็นสองขั้นตอนใหญ่ ๆ คือขั้นแรก เริ่มจากการระบุเวลาที่ต้องทำอย่างแน่นอนในหนึ่งสัปดาห์ก่อน เมื่อเสร็จขั้นนี้แล้ว ก็จะได้เวลาว่างที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมนอกชั้นเรียนได้ ในขั้นที่สองก็จะเริ่มแบ่งว่าเวลาว่างที่ได้นั้นจะศึกษาวิชาอะไร และช่วงไหนบ้าง แต่ละขั้นทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เรียบร้อย รายละเอียดอยู่นี่แล้ว
1. สร้างตารางเวลาขึ้นมา และแบ่งช่องเวลาช่องละหนึ่งชั่งโมง
2. ระบุช่วงเวลาที่จะทำกิจวัตรส่วนตัวลงไปก่อน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ออกกำลังกาย จากนั้นก็ให้ระบุเวลาที่เรียนในห้องเรียนลงไป และตามด้วยกิจกรรมที่คุณเลือกทำในภาคการศึกษานั้น ดังตัวอย่าง
3. คำนวณเวลาที่จะต้องกลับมาศึกษาเพิ่มเติม โดยใช้กฎจากที่อาจารย์แนะนำว่า ต้องศึกษาอย่างน้อยสองเท่าของเวลาที่เรียนในห้องสำหรับวิชาบรรยาย เพราะถ้าไม่กลับมาอ่านเพิ่มรับรองว่าทำข้อสอบไม่ได้หรอกครับ คนที่รออ่านวันเดียวก่อนสอบนั้นย่ำแย่ไปหลายรายแล้ว ซึ่งจากตัวอย่าง จำนวนชั่วโมงที่เรียนบรรยายคือ 13 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่ต้องการในการศึกษาเพิ่มเติมคือ 26 ชั่วโมง
4. สำรวจตารางเวลาของตัวคุณเองจะพบว่า นอกเหนือจากกิจวัตรส่วนตัวและเวลาเรียนในชั้นเรียนแล้ว จะยังมีเวลาว่างอีกกี่ชั่วโมง จากตัวอย่างจะพบว่ามีเวลาว่างทั้งหมด 53 ชั่วโมง คราวนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วละว่าจะเอาเวลามากมายนี้ไปทำอะไร จะเอาไปคุยกับแฟนบ้างก็ได้ครับ ไม่ได้ว่ากัน หรือไปสนุกกับเพื่อนก็ได้ แล้วแต่สไตล์ แต่ผมเลือกใช้เวลาอ่านหนังสือละครับ เพราะผมมีเวลาให้เพื่อน ๆ ตอนทานอาหารและหลังสี่ทุ่มแล้ว
5. เมื่อรู้ช่วงเวลาที่สามารถกลับมาศึกษาทบทวนบทเรียนแล้ว ก็ให้เขียนดูว่าเวลาไหนคุณจะอ่านวิชาอะไร เพื่อที่จะให้ความสำคัญกับทุกวิชาเท่ากันไป ไม่อ่านวิชาใดวิชาหนึ่งมากจนเกินไปโดยไม่รู้ตัว หลักเกณฑ์การจัดเวลาที่ผมใช้ก็คือ จะต้องอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาที่เรียนในวันนั้นก่อนที่จะมีเรียนในครั้งต่อไป เพราะถ้าไม่อ่านก่อนจะไม่รู้เรื่องและต่อยอดในคาบต่อไปไม่ถูก และการอ่านแต่ละวิชาจะใช้เวลาวิชาละสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ถ้าน้อยกว่านี้ก็อาจจะไม่ได้อะไร และจะพยายามอ่านวิชาคำนวณในตอนกลางวันเพื่อป้องกันการหลับ ให้ดูจากตัวอย่าง อักษรที่เขียนด้วยตัวเอียงแสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมกลับมาอ่านเอง
6. เมื่อแบ่งเสร็จแล้วให้คุณลองมาวิเคราะห์ตารางดูว่าเป็นอย่างไรจาก ตัวอย่างจะพบว่า
ในหนึ่งสัปดาห์ผมให้เวลากับการเรียนในชั้นเรียน 19 ชั่วโมง (ตัวธรรมดา)
อ่านหนังสือทบทวนและค้นคว้าเพิ่มเติมนอกห้องเรียน 25 ชั่วโมง (ตัวเอียง)
ทำกิจกรรม 7 ชั่วโมง (ตัวขีดเส้นใต้)
ทำกิจวัตรประจำวัน 35 ชั่วโมง (ตัวเอียงขีดเส้นใต้)
นอนวันละ 8 ชั่วโมง
และยังมีเวลาที่ว่าง ๆ สำหรับการพักผ่อนอีก 28 ชั่วโมง
อ่านแคลคูลัส 8 ชั่วโมง
ฟิสิกส์ 8 ชั่วโมง IT และ ภาษาอังกฤษ อย่างละ 4 ชั่วโมง
(จากหลักการต้องหกชั่วโมง)
อ่านหนังสือวันละ 6 ชั่วโมง
และมีเวลาว่างในวัน เสาร์-อาทิตย์ด้วย
แหมแล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่มีเวลาได้อย่างไรกัน คนที่ไม่มีเวลาคือคนบ้ากับคนที่ตายแล้วครับ ทนทั่ว ๆ ไปก็มีเวลาเท่ากันหมด แล้วแต่ว่าจะใช้มันอย่างไร
การใช้เวลาจริง ๆ เป็นอย่างไร
เมื่อจัดสรรเวลาแล้วไม่ใช่ว่าจะทำตามได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครทำได้ก็ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนแล้ว เพราะจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่จะมาขัดขวางตารางเวลาของคุณ ที่ผมเคยเจอมาด้วยตัวเองก็พอจะยกตัวอย่างได้บ้าง
• มีประชุม สำนักวิชา กลุ่มสัมพันธ์ สี ชมรม องค์การ สภา จิปาถะ ประชุมได้ประชุมดีจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือกันพอดี
• มีการบ้าน เช่นตามตารางต้องอ่านฟิสิกส์ แต่การบ้าน แคลคูลัสยังไม่เสร็จ
ก็ต้องทำการบ้านแคลคูลัสให้เสร็จก่อน
• มีสอบ เช่น ปกติตารางวางไว้ว่าวันนี้ต้องอ่านฟิสิกส์ แต่พรุ่งนี้มีสอบ Quiz วิชาแคลคูลัส วันนี้ก็ต้องให้เวลากับแคลคูลัสก่อน
• มีเรียนชดเชย เช่นอาจารย์นัดสอนชดเชยตอนบ่ายวันพฤหัส หรือตอนหัวค่ำ
• มีไข้ บางทีไม่สบายอ่านหนังสือไม่ไหว
• มีที่นอน บางทีแพ้ใจตัวเอง โดยเฉพาะตอนบ่าย จะง่วงนอนมาก ๆ จนฝืนอ่านไม่ไหว ขอนอนก่อนซักตื่น อันนี้แก่ยากที่สุดเลยครับ
• มีมารผจญ เช่นโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รายการบันเทิงต่าง ๆ เพื่อนฝูง คอยชักชวนให้สนุกสนานจนไม่ได้อ่านหนังสือ
• มีอุบัติเหตุ เช่น ทำหนังสือตกน้ำ ไฟฟ้าดับ อ่านหนังสือไม่ได้
• มีอะไรอีกมากมาย ที่ทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือ
อุปสรรคเหล่านี้ทำให้เวลาที่ที่คุณวางไว้ผิดไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เวลาในช่วงอื่นก็ใช้ได้
ดังนั้นคุณจึงสามารถยืดหยุ่นตารางเวลาที่คุณวางไว้ได้เสมอ โดยการหาเวลาว่างในช่วงอื่นมาทดแทน เช่นใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์ มาชดเชยเวลาในวันปกตินั่นเอง
หัวใจสำคัญและสิ่งที่ยากที่สุดของการจัดสรรเวลาก็คือ เมื่อทำตารางจัดสรรเวลาแล้วคุณจะต้องทำตามได้ด้วย ถ้าวางแผนจัดสรรเวลาแล้วทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะจัดสรรไปทำไม
ดังนั้นคนที่ตัดสินใจจะจัดสรรเวลาจะต้องมีความตั้งใจจริง มีวินัยในตัวเองสูง และตารางเวลาที่จัดสรรนั้นจะต้องเหมาะสมกับตัวคุณเอง ไม่ฝืนกับชีวิตประจำวันมากเกินไปเพราะอาจทำให้คุณไม่มีความสุขได้
-------------------------------------------------E-N-D----------------------------------------
CrediT-> http://das.wu.ac.th/tdu_students/Tip/article1.html
จัดสรรเวลาออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือส่วนที่เป็นกิจวัตรส่วนตัว ส่วนที่เป็นเวลาเรียน และอีกส่วนใช้ในการทำกิจกรรม แต่ละส่วนนั้นจะต้องมีความสำคัญเท่า ๆ กัน ไม่ควรเลือกทำอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไปนะครับ ยกตัวอย่างเช่นบางคนชอบเรียนอย่างเดียวไม่สนใจทำอย่างอื่นเลย หรือเด็กกิจกรรมก็ทำกิจกรรมอย่างเดียวไม่ชอบเรียนหนังสือ หรือบางคนไม่เอาทั้งเรียนทั้งกิจกรรมแต่ทำกิจวัตรส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น เอาแต่นอนและคุยกับเพื่อนเป็นเวลานาน แต่ควรจะทำทั้งสามอย่างพร้อม ๆ กันไป
แบ่งขั้นตอนการจัดสรรเวลาเป็นสองขั้นตอนใหญ่ ๆ คือขั้นแรก เริ่มจากการระบุเวลาที่ต้องทำอย่างแน่นอนในหนึ่งสัปดาห์ก่อน เมื่อเสร็จขั้นนี้แล้ว ก็จะได้เวลาว่างที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมนอกชั้นเรียนได้ ในขั้นที่สองก็จะเริ่มแบ่งว่าเวลาว่างที่ได้นั้นจะศึกษาวิชาอะไร และช่วงไหนบ้าง แต่ละขั้นทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เรียบร้อย รายละเอียดอยู่นี่แล้ว
1. สร้างตารางเวลาขึ้นมา และแบ่งช่องเวลาช่องละหนึ่งชั่งโมง
เวลา | 6-7 | 7-8 | 8-9 | 9-10 | 10-11 | 11-12 | 12-13 | 13-14 | 14-15 | 15-16 | 16-17 | 17-18 | 18-19 | 19-20 | 20-21 | 21-22 |
จันทร์ | ||||||||||||||||
อังคาร | ||||||||||||||||
พุธ | ||||||||||||||||
พฤหัส | ||||||||||||||||
ศุกร์ | ||||||||||||||||
เสาร์ | ||||||||||||||||
อาทิตย์ |
2. ระบุช่วงเวลาที่จะทำกิจวัตรส่วนตัวลงไปก่อน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ออกกำลังกาย จากนั้นก็ให้ระบุเวลาที่เรียนในห้องเรียนลงไป และตามด้วยกิจกรรมที่คุณเลือกทำในภาคการศึกษานั้น ดังตัวอย่าง
เวลา | 6-7 | 7-8 | 8-9 | 9-10 | 10-11 | 11-12 | 12-13 | 13-14 | 14-15 | 15-16 | 16-17 | 17-18 | 18-19 | 19-20 | 20-21 | 21-22 |
จันทร์ | อาบน้ำ แต่งตัว อ่านก่อนเรียน ทานข้าว | Physics | English | H A | - | - | - | - | - | ฝึก พิมพ์ ดีด อัง กฤษ | ออกกำลัง กาย อาบน้ำ ซักผ้า ทานข้าว ผักผ่อน | - | - | |||
อังคาร | Physics | IT2 | Calculus 2 | V E | - | - | - | - | - | - | ||||||
พุธ | - | English | - | - | - | - | - | - | - | - | ||||||
พฤหัส | Physics | IT2 | Calculus 2 | N C | - | - | - | - | - | - | ||||||
ศุกร์ | Physics | IT2 Lab | H | - | Physics lab | - | - | - | ||||||||
เสาร์ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | |||||
อาทิตย์ | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - | - |
3. คำนวณเวลาที่จะต้องกลับมาศึกษาเพิ่มเติม โดยใช้กฎจากที่อาจารย์แนะนำว่า ต้องศึกษาอย่างน้อยสองเท่าของเวลาที่เรียนในห้องสำหรับวิชาบรรยาย เพราะถ้าไม่กลับมาอ่านเพิ่มรับรองว่าทำข้อสอบไม่ได้หรอกครับ คนที่รออ่านวันเดียวก่อนสอบนั้นย่ำแย่ไปหลายรายแล้ว ซึ่งจากตัวอย่าง จำนวนชั่วโมงที่เรียนบรรยายคือ 13 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่ต้องการในการศึกษาเพิ่มเติมคือ 26 ชั่วโมง
4. สำรวจตารางเวลาของตัวคุณเองจะพบว่า นอกเหนือจากกิจวัตรส่วนตัวและเวลาเรียนในชั้นเรียนแล้ว จะยังมีเวลาว่างอีกกี่ชั่วโมง จากตัวอย่างจะพบว่ามีเวลาว่างทั้งหมด 53 ชั่วโมง คราวนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วละว่าจะเอาเวลามากมายนี้ไปทำอะไร จะเอาไปคุยกับแฟนบ้างก็ได้ครับ ไม่ได้ว่ากัน หรือไปสนุกกับเพื่อนก็ได้ แล้วแต่สไตล์ แต่ผมเลือกใช้เวลาอ่านหนังสือละครับ เพราะผมมีเวลาให้เพื่อน ๆ ตอนทานอาหารและหลังสี่ทุ่มแล้ว
5. เมื่อรู้ช่วงเวลาที่สามารถกลับมาศึกษาทบทวนบทเรียนแล้ว ก็ให้เขียนดูว่าเวลาไหนคุณจะอ่านวิชาอะไร เพื่อที่จะให้ความสำคัญกับทุกวิชาเท่ากันไป ไม่อ่านวิชาใดวิชาหนึ่งมากจนเกินไปโดยไม่รู้ตัว หลักเกณฑ์การจัดเวลาที่ผมใช้ก็คือ จะต้องอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาที่เรียนในวันนั้นก่อนที่จะมีเรียนในครั้งต่อไป เพราะถ้าไม่อ่านก่อนจะไม่รู้เรื่องและต่อยอดในคาบต่อไปไม่ถูก และการอ่านแต่ละวิชาจะใช้เวลาวิชาละสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ถ้าน้อยกว่านี้ก็อาจจะไม่ได้อะไร และจะพยายามอ่านวิชาคำนวณในตอนกลางวันเพื่อป้องกันการหลับ ให้ดูจากตัวอย่าง อักษรที่เขียนด้วยตัวเอียงแสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมกลับมาอ่านเอง
เวลา | 6-7 | 7-8 | 8-9 | 9-10 | 10-11 | 11-12 | 12-13 | 13-14 | 14-15 | 15-16 | 16-17 | 17-18 | 18-19 | 19-20 | 20-21 | 21-22 |
จันทร์ | อาบน้ำ แต่งตัว อ่านก่อนเรียน ทานข้าว | Physics | English | H A | Physics | English | ฝึก พิมพ์ ดีด อัง กฤษ | ออกกำลัง กาย อาบน้ำ ซักผ้า ทานข้าว ผักผ่อน | Calculus 2 | |||||||
อังคาร | Physics | IT2 | Calculus 2 | V E | IT2 | |||||||||||
พุธ | English | English | Physics | Physics | ||||||||||||
พฤหัส | Physics | IT2 | Calculus 2 | N C | Physics | IT2 | ||||||||||
ศุกร์ | Physics | IT2 Lab | H | Physics lab | ||||||||||||
เสาร์ | ||||||||||||||||
อาทิตย์ |
6. เมื่อแบ่งเสร็จแล้วให้คุณลองมาวิเคราะห์ตารางดูว่าเป็นอย่างไรจาก ตัวอย่างจะพบว่า
ในหนึ่งสัปดาห์ผมให้เวลากับการเรียนในชั้นเรียน 19 ชั่วโมง (ตัวธรรมดา)
อ่านหนังสือทบทวนและค้นคว้าเพิ่มเติมนอกห้องเรียน 25 ชั่วโมง (ตัวเอียง)
ทำกิจกรรม 7 ชั่วโมง (ตัวขีดเส้นใต้)
ทำกิจวัตรประจำวัน 35 ชั่วโมง (ตัวเอียงขีดเส้นใต้)
นอนวันละ 8 ชั่วโมง
และยังมีเวลาที่ว่าง ๆ สำหรับการพักผ่อนอีก 28 ชั่วโมง
อ่านแคลคูลัส 8 ชั่วโมง
ฟิสิกส์ 8 ชั่วโมง IT และ ภาษาอังกฤษ อย่างละ 4 ชั่วโมง
(จากหลักการต้องหกชั่วโมง)
อ่านหนังสือวันละ 6 ชั่วโมง
และมีเวลาว่างในวัน เสาร์-อาทิตย์ด้วย
แหมแล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่มีเวลาได้อย่างไรกัน คนที่ไม่มีเวลาคือคนบ้ากับคนที่ตายแล้วครับ ทนทั่ว ๆ ไปก็มีเวลาเท่ากันหมด แล้วแต่ว่าจะใช้มันอย่างไร
การใช้เวลาจริง ๆ เป็นอย่างไร
เมื่อจัดสรรเวลาแล้วไม่ใช่ว่าจะทำตามได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครทำได้ก็ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนแล้ว เพราะจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่จะมาขัดขวางตารางเวลาของคุณ ที่ผมเคยเจอมาด้วยตัวเองก็พอจะยกตัวอย่างได้บ้าง
• มีประชุม สำนักวิชา กลุ่มสัมพันธ์ สี ชมรม องค์การ สภา จิปาถะ ประชุมได้ประชุมดีจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือกันพอดี
• มีการบ้าน เช่นตามตารางต้องอ่านฟิสิกส์ แต่การบ้าน แคลคูลัสยังไม่เสร็จ
ก็ต้องทำการบ้านแคลคูลัสให้เสร็จก่อน
• มีสอบ เช่น ปกติตารางวางไว้ว่าวันนี้ต้องอ่านฟิสิกส์ แต่พรุ่งนี้มีสอบ Quiz วิชาแคลคูลัส วันนี้ก็ต้องให้เวลากับแคลคูลัสก่อน
• มีเรียนชดเชย เช่นอาจารย์นัดสอนชดเชยตอนบ่ายวันพฤหัส หรือตอนหัวค่ำ
• มีไข้ บางทีไม่สบายอ่านหนังสือไม่ไหว
• มีที่นอน บางทีแพ้ใจตัวเอง โดยเฉพาะตอนบ่าย จะง่วงนอนมาก ๆ จนฝืนอ่านไม่ไหว ขอนอนก่อนซักตื่น อันนี้แก่ยากที่สุดเลยครับ
• มีมารผจญ เช่นโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รายการบันเทิงต่าง ๆ เพื่อนฝูง คอยชักชวนให้สนุกสนานจนไม่ได้อ่านหนังสือ
• มีอุบัติเหตุ เช่น ทำหนังสือตกน้ำ ไฟฟ้าดับ อ่านหนังสือไม่ได้
• มีอะไรอีกมากมาย ที่ทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือ
อุปสรรคเหล่านี้ทำให้เวลาที่ที่คุณวางไว้ผิดไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เวลาในช่วงอื่นก็ใช้ได้
ดังนั้นคุณจึงสามารถยืดหยุ่นตารางเวลาที่คุณวางไว้ได้เสมอ โดยการหาเวลาว่างในช่วงอื่นมาทดแทน เช่นใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์ มาชดเชยเวลาในวันปกตินั่นเอง
หัวใจสำคัญและสิ่งที่ยากที่สุดของการจัดสรรเวลาก็คือ เมื่อทำตารางจัดสรรเวลาแล้วคุณจะต้องทำตามได้ด้วย ถ้าวางแผนจัดสรรเวลาแล้วทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะจัดสรรไปทำไม
ดังนั้นคนที่ตัดสินใจจะจัดสรรเวลาจะต้องมีความตั้งใจจริง มีวินัยในตัวเองสูง และตารางเวลาที่จัดสรรนั้นจะต้องเหมาะสมกับตัวคุณเอง ไม่ฝืนกับชีวิตประจำวันมากเกินไปเพราะอาจทำให้คุณไม่มีความสุขได้
-------------------------------------------------E-N-D----------------------------------------
CrediT-> http://das.wu.ac.th/tdu_students/Tip/article1.html
ดีค่ะ จะนำไปฝึกใช้ดูนะคะ
ตอบลบ